วัง"ลือแฆะห์"ประวัติศาสตร์ปริศนา ยังรอคำตอบ บททดสอบที่รอวันแก้ไข
โพสท์โดยที่นี่...ดินแดนภาคใต้ตอนล่างสุดของประเทศไทย จากกรุงเทพมหานคร 1,114 กิโลเมตร ที่นี่คือ อ.เมือง จ.นราธิวาส หรือระแงะ หรือเก่ากว่านั้นเรียก “ลือแฆะห์” หนึ่งในหัวเมืองเก่าของอาณาจักรปัตตานี ที่เคยรุ่งเรืองในอดีตโบราณ ซึ่งมีเรื่องราว ร่องรอย อารยธรรม และแหล่งโบราณสถาน โบราณวัตถุ เป็นจำนวนมากถูกเก็บไว้ กระจัดกระจายอยู่ตามวัดเก่าบ้าง พิพิธภัณฑ์ หรือไม่ก็อยู่ในมือนักสะสมของเก่า
สถานที่สำคัญที่หนึ่งของจังหวัดนราธิวาส จะแนะนำให้รู้จักกับวังเก่าหลังสุดท้ายของรายาลือแฆะห์ ต้นกำเนิดเมืองนราธิวาสนั่นเอง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้ วัง "ลือแฆะห์" หลังนี้ ถูกทอดทิ้ง และกำลังผุพังลงไปทุกวัน ไม่อาจต้านทานกาลเวลาได้อีกต่อไป
วัง "ลือแฆะห์" หลังนี้ ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำบางนรา ห่างแม่น้ำเพียง 50 เมตร ถ้าหากเดินทางมาจากสี่แยกตากใบ ตรงมาเจอ 3 แยก เลี้ยวขวาไปทางตากใบเพียง 200 เมตร วังหลังนี้จะอยู่ทางซ้ายมือ จะมองเห็นบ้านเก่าๆ หลังใหญ่ อายุร่วม 200 ปี ใช่แล้วครับ ที่นี่ ..ในอดีตถูกเรียกว่า วัง "ลือแฆะห์" รายา หรือพระยาระแงะคนสุดท้ายที่อาศัย วังหลังนี้ชื่อว่า ตวนเงาะห์ ซำซุดดีน หรือพระยาภูผาภักดี ศรีสุวรรณประเทศ วิเศษวังสา หลังจากนั้นตกเป็นของลูกหลานมาชั่ว 2-3 อายุคน ปัจจุบันเป็นของตระกูล "สนิทวาที" และถูกปล่อยร้างมาจนถึงปัจจุบัน ร่วมๆ 30 ปีมาแล้ว จนในปัจจุบันอยู่ในสภาพทรุดโทรมเป็นอย่างมาก
มีคำถามตามมามากมายว่าทำไมถึงไม่มีหน่วยงานไหนมาช่วยดูแล ฟื้นฟูสถานที่สำคัญแห่งนี้ ทั้งกรมศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัด เทศบาล หรือองค์การ บริหารส่วนจังหวัดต่างๆ นั้น หลายหน่วยงานที่มองเห็นความสำคัญจุดนี้ ได้เข้ามาดูและตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่าลูกหลานที่ครอบครองอยู่ ถือกรรมสิทธ์นั้น ไม่ยอมให้หน่วยงานไหนเข้ามานั่นเอง
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีผู้คนกลุ่มหนึ่งที่เล็งเห็นความสำคัญตรงนี้ได้คิดหาหนทาง ได้แลกเปลี่ยนปัญหาเรื่องวัง จึงก่อเกิดตั้งเป็นกลุ่มขึ้นมาชื่อว่า “ชมรมกลุ่มภาคีสถาปัตย์ปาตานี” ได้อาสาทำหน้าที่ศึกษาความเป็นไปได้ที่จะฟื้นฟูหรือในการบูรณะวังแห่งนี้ให้สำเร็จ ทางกลุ่มมีแนวคิดอันดับแรกที่ทำได้คือต้องดำเนินการถอดแบบวังเอาไว้เพื่อเก็บเป็นแบบโครงสร้างจริงในทางสถาปัตย์ก่อนที่วังจะพังลงไปกว่านี้ ส่วนการบูรณะถ้ามีแบบที่สมบูรณ์แล้ว ที่เหลือคือรอทุนที่จะมาบูรณะวังแห่งนี้จึงจะมีทางเป็นไปได้
องค์กรเล็กๆ กลุ่มนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นสู่นิมิตหมายที่ดีกลุ่มหนึ่งในการบูรณะวัง “ลือแฆะห์” หลังนี้ ประธานชมรมกลุ่มภาคีฯ นายซิกรี บินมามะ กล่าวว่า “ทางเรายังต้องการความช่วยเหลือจากอีกหลายหน่วยงาน เช่นนักศึกษาในพื้นที่ที่เขียนแบบได้ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ที่จะมารองรับการถอดแบบให้ได้ตามมาตรฐาน หน่วยงานจังหวัดทั้งเรื่องจัดหาที่พักแก่ผู้ที่มาดำเนินการเขียนแบบทั้งหลาย เรายังขาดสปอนเซอร์ทั้งเรื่องค่าอาหาร ที่พัก อุปกรณ์ต่างๆ และสตูดิโอเก็บงาน ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่จึงขอฝากให้หน่วยงานทุกฝ่ายที่สนใจพร้อมจะช่วยเหลือเราและขอความร่วมมือประสานงานจากฝ่ายเราด้วยครับ และในเร็วๆ นี้ เราได้ติดต่อประสานกับทางผู้ถือกรรมสิทธิ์วังระแงะ ขออนุญาตเข้าดำเนินการถอดแบบวังอย่างเป็นทางการอยู่ คงได้คำตอบ ได้ฟังข่าวดีในระยะเวลาอันใกล้นี้ ถ้าทางเขายินยอมแล้ว ทางกลุ่มจะได้ดำเนินการต่อไป ทางกลุ่มคงต้องวิ่งหางบประมาณในเรื่องนี้อีกมากครับ”
ทั้งนี้จึงเป็นข่าวดีต่อการบูรณะวัง “ลือแฆะห์” แห่งนี้ อีกข่าวหนึ่ง เราจะรายงานให้ทราบต่อไป
วัง “ลือแฆะห์” ที่เหลืออยู่ทุกวันนี้อยู่ในสภาพทรุดโทรมอย่างมาก ห้องทางด้านหลังได้พังไปแล้ว 1 ห้อง สิ่งที่เหลือก็คงอยู่อีกไม่นานต้องพังไปตามกาลเวลา มีปริศนาที่รอกุญแจแห่งกาลเวลามาแก้ไขต่อไป เคยมีผู้คนจากหลายหน่วยงานในรอบหลายปีมานี้ เช่น จากมาเลเซีย อเมริกา และปัจจุบันนี้มีชาวสเปนมาศึกษาเรื่องนี้อยู่
วังโบราณแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมโบราณที่มีคุณค่าอย่างยิ่งทั้งแง่สถาปัตย์นั้น ผู้ออกแบบได้ออกแบบอย่างดียิ่ง หน้าต่างยาวจากชั้นล่างที่ลอดสูงขึ้นไปถึงชั้นบนสามารถระบายลมได้อย่างดีทำให้ผู้อาศัยชั้นบน (ท่านเจ้าเมือง) ได้มองผ่านหน้าต่างได้โดยรอบ การระบายลมนั้นมีช่องลมที่ระบายลมได้อย่างดีเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ผู้ที่สนใจด้านสถาปัตยกรรมบ้านไม้แบบโบราณ
ส่วนเรื่องศิลปะการตกแต่งนั้นลวดลายตามเชิงชาย ช่องลมเหนือบานประตูและหน้าต่างแสดงถึงฝีมือชั้นยอด มีลายช่องลมเหนือบานประตู ลวดลายอร่ามตาเป็นช่างที่วิจิตรบรรจงอย่างยิ่ง ลวดลายที่ประดับรอบๆ ตัววังนั้น ทั้งรูปทรงเรขาคณิต ลายดอกไม้ ลายดวงดาว ล้วนออกแบบได้อย่างลงตัว
เรื่องผังวังนั้นมีการวางไว้อย่างถูกต้องตามผังวังทุกประการ ที่ประกอบด้วยลานปูนหน้าวัง โถง ห้องพระโรง (ที่ว่าราชการ) ห้องนอนท่านเจ้าเมือง และห้องต่างๆ อีกหลายห้อง ตรงส่วนหลังประกอบด้วยทางเดินไปถึงห้องผู้สนิทของท่านเจ้าเมืองอีก 2 ห้อง และประกอบด้วยทางเดินลงไปสู่โรงครัวที่แยกออกไปจากตัวเรือนอีกที เรียกได้ว่าวังหลังนี้มีความสมบูรณ์แบบหลังหนึ่งเลยทีเดียว
ในแง่ประวัติศาสตร์ของทางมลายูนั้น เรื่องราวเกี่ยวกับรายา “ลือแฆะห์” มีประวัติศาสตร์ตามคำบอกเล่ายาวนานถึง 400 ปี ไม่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรไว้มากนักตามที่ค้นพบก็ดูจะเป็นสิ่งคลุมเครือ ร่องรอยในอดีตห่างหายไปตามกาลเวลา เพราะไม่มีการจดบันทึกไว้ อีกทั้งวังของรายานี้ถูกย้ายถึง 4 ครั้ง เพราะเหตุผลทางการเมืองเกิดการสู้รบศึกหลายครั้ง และอาจเป็นเพราะตระกูลรายาเป็นตระกูลเดียวที่ได้รับสัมปทานเหมืองทองที่ “โต๊ะโมะ” จึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและการคมนาคมทางน้ำ ครั้งแรกถูกย้ายจากฝั่งมาเลเซีย ที่อำเภอตาเนาะห์แมเราะห์ย้ายมาที่อำเภอแว้งในปัจจุบัน และย้ายต่อมาที่ตำบลตันหยงมัส ถึง 2 ครั้ง จึงย้ายมาอยู่ที่อำเภอมะนารอหรือบางนราจนกลายเป็นอำเภอเมืองนราธิวาสในปัจจุบัน หากจะศึกษาดูประวัติศาสตร์ทางมลายูอาจต้องไปถึงรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ประวัติศาสตร์ของรายา “ลือแฆะห์” นี้ยังคงเป็นปริศนาท้าทายนักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่ๆ ได้ค้นหาอย่างยิ่ง ส่วน
สถานที่สำคัญที่หนึ่งของจังหวัดนราธิวาส จะแนะนำให้รู้จักกับวังเก่าหลังสุดท้ายของรายาลือแฆะห์ ต้นกำเนิดเมืองนราธิวาสนั่นเอง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้ วัง "ลือแฆะห์" หลังนี้ ถูกทอดทิ้ง และกำลังผุพังลงไปทุกวัน ไม่อาจต้านทานกาลเวลาได้อีกต่อไป
วัง "ลือแฆะห์" หลังนี้ ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำบางนรา ห่างแม่น้ำเพียง 50 เมตร ถ้าหากเดินทางมาจากสี่แยกตากใบ ตรงมาเจอ 3 แยก เลี้ยวขวาไปทางตากใบเพียง 200 เมตร วังหลังนี้จะอยู่ทางซ้ายมือ จะมองเห็นบ้านเก่าๆ หลังใหญ่ อายุร่วม 200 ปี ใช่แล้วครับ ที่นี่ ..ในอดีตถูกเรียกว่า วัง "ลือแฆะห์" รายา หรือพระยาระแงะคนสุดท้ายที่อาศัย วังหลังนี้ชื่อว่า ตวนเงาะห์ ซำซุดดีน หรือพระยาภูผาภักดี ศรีสุวรรณประเทศ วิเศษวังสา หลังจากนั้นตกเป็นของลูกหลานมาชั่ว 2-3 อายุคน ปัจจุบันเป็นของตระกูล "สนิทวาที" และถูกปล่อยร้างมาจนถึงปัจจุบัน ร่วมๆ 30 ปีมาแล้ว จนในปัจจุบันอยู่ในสภาพทรุดโทรมเป็นอย่างมาก
มีคำถามตามมามากมายว่าทำไมถึงไม่มีหน่วยงานไหนมาช่วยดูแล ฟื้นฟูสถานที่สำคัญแห่งนี้ ทั้งกรมศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัด เทศบาล หรือองค์การ บริหารส่วนจังหวัดต่างๆ นั้น หลายหน่วยงานที่มองเห็นความสำคัญจุดนี้ ได้เข้ามาดูและตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่าลูกหลานที่ครอบครองอยู่ ถือกรรมสิทธ์นั้น ไม่ยอมให้หน่วยงานไหนเข้ามานั่นเอง
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีผู้คนกลุ่มหนึ่งที่เล็งเห็นความสำคัญตรงนี้ได้คิดหาหนทาง ได้แลกเปลี่ยนปัญหาเรื่องวัง จึงก่อเกิดตั้งเป็นกลุ่มขึ้นมาชื่อว่า “ชมรมกลุ่มภาคีสถาปัตย์ปาตานี” ได้อาสาทำหน้าที่ศึกษาความเป็นไปได้ที่จะฟื้นฟูหรือในการบูรณะวังแห่งนี้ให้สำเร็จ ทางกลุ่มมีแนวคิดอันดับแรกที่ทำได้คือต้องดำเนินการถอดแบบวังเอาไว้เพื่อเก็บเป็นแบบโครงสร้างจริงในทางสถาปัตย์ก่อนที่วังจะพังลงไปกว่านี้ ส่วนการบูรณะถ้ามีแบบที่สมบูรณ์แล้ว ที่เหลือคือรอทุนที่จะมาบูรณะวังแห่งนี้จึงจะมีทางเป็นไปได้
องค์กรเล็กๆ กลุ่มนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นสู่นิมิตหมายที่ดีกลุ่มหนึ่งในการบูรณะวัง “ลือแฆะห์” หลังนี้ ประธานชมรมกลุ่มภาคีฯ นายซิกรี บินมามะ กล่าวว่า “ทางเรายังต้องการความช่วยเหลือจากอีกหลายหน่วยงาน เช่นนักศึกษาในพื้นที่ที่เขียนแบบได้ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ที่จะมารองรับการถอดแบบให้ได้ตามมาตรฐาน หน่วยงานจังหวัดทั้งเรื่องจัดหาที่พักแก่ผู้ที่มาดำเนินการเขียนแบบทั้งหลาย เรายังขาดสปอนเซอร์ทั้งเรื่องค่าอาหาร ที่พัก อุปกรณ์ต่างๆ และสตูดิโอเก็บงาน ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่จึงขอฝากให้หน่วยงานทุกฝ่ายที่สนใจพร้อมจะช่วยเหลือเราและขอความร่วมมือประสานงานจากฝ่ายเราด้วยครับ และในเร็วๆ นี้ เราได้ติดต่อประสานกับทางผู้ถือกรรมสิทธิ์วังระแงะ ขออนุญาตเข้าดำเนินการถอดแบบวังอย่างเป็นทางการอยู่ คงได้คำตอบ ได้ฟังข่าวดีในระยะเวลาอันใกล้นี้ ถ้าทางเขายินยอมแล้ว ทางกลุ่มจะได้ดำเนินการต่อไป ทางกลุ่มคงต้องวิ่งหางบประมาณในเรื่องนี้อีกมากครับ”
ทั้งนี้จึงเป็นข่าวดีต่อการบูรณะวัง “ลือแฆะห์” แห่งนี้ อีกข่าวหนึ่ง เราจะรายงานให้ทราบต่อไป
วัง “ลือแฆะห์” ที่เหลืออยู่ทุกวันนี้อยู่ในสภาพทรุดโทรมอย่างมาก ห้องทางด้านหลังได้พังไปแล้ว 1 ห้อง สิ่งที่เหลือก็คงอยู่อีกไม่นานต้องพังไปตามกาลเวลา มีปริศนาที่รอกุญแจแห่งกาลเวลามาแก้ไขต่อไป เคยมีผู้คนจากหลายหน่วยงานในรอบหลายปีมานี้ เช่น จากมาเลเซีย อเมริกา และปัจจุบันนี้มีชาวสเปนมาศึกษาเรื่องนี้อยู่
วังโบราณแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมโบราณที่มีคุณค่าอย่างยิ่งทั้งแง่สถาปัตย์นั้น ผู้ออกแบบได้ออกแบบอย่างดียิ่ง หน้าต่างยาวจากชั้นล่างที่ลอดสูงขึ้นไปถึงชั้นบนสามารถระบายลมได้อย่างดีทำให้ผู้อาศัยชั้นบน (ท่านเจ้าเมือง) ได้มองผ่านหน้าต่างได้โดยรอบ การระบายลมนั้นมีช่องลมที่ระบายลมได้อย่างดีเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ผู้ที่สนใจด้านสถาปัตยกรรมบ้านไม้แบบโบราณ
ส่วนเรื่องศิลปะการตกแต่งนั้นลวดลายตามเชิงชาย ช่องลมเหนือบานประตูและหน้าต่างแสดงถึงฝีมือชั้นยอด มีลายช่องลมเหนือบานประตู ลวดลายอร่ามตาเป็นช่างที่วิจิตรบรรจงอย่างยิ่ง ลวดลายที่ประดับรอบๆ ตัววังนั้น ทั้งรูปทรงเรขาคณิต ลายดอกไม้ ลายดวงดาว ล้วนออกแบบได้อย่างลงตัว
เรื่องผังวังนั้นมีการวางไว้อย่างถูกต้องตามผังวังทุกประการ ที่ประกอบด้วยลานปูนหน้าวัง โถง ห้องพระโรง (ที่ว่าราชการ) ห้องนอนท่านเจ้าเมือง และห้องต่างๆ อีกหลายห้อง ตรงส่วนหลังประกอบด้วยทางเดินไปถึงห้องผู้สนิทของท่านเจ้าเมืองอีก 2 ห้อง และประกอบด้วยทางเดินลงไปสู่โรงครัวที่แยกออกไปจากตัวเรือนอีกที เรียกได้ว่าวังหลังนี้มีความสมบูรณ์แบบหลังหนึ่งเลยทีเดียว
ในแง่ประวัติศาสตร์ของทางมลายูนั้น เรื่องราวเกี่ยวกับรายา “ลือแฆะห์” มีประวัติศาสตร์ตามคำบอกเล่ายาวนานถึง 400 ปี ไม่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรไว้มากนักตามที่ค้นพบก็ดูจะเป็นสิ่งคลุมเครือ ร่องรอยในอดีตห่างหายไปตามกาลเวลา เพราะไม่มีการจดบันทึกไว้ อีกทั้งวังของรายานี้ถูกย้ายถึง 4 ครั้ง เพราะเหตุผลทางการเมืองเกิดการสู้รบศึกหลายครั้ง และอาจเป็นเพราะตระกูลรายาเป็นตระกูลเดียวที่ได้รับสัมปทานเหมืองทองที่ “โต๊ะโมะ” จึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและการคมนาคมทางน้ำ ครั้งแรกถูกย้ายจากฝั่งมาเลเซีย ที่อำเภอตาเนาะห์แมเราะห์ย้ายมาที่อำเภอแว้งในปัจจุบัน และย้ายต่อมาที่ตำบลตันหยงมัส ถึง 2 ครั้ง จึงย้ายมาอยู่ที่อำเภอมะนารอหรือบางนราจนกลายเป็นอำเภอเมืองนราธิวาสในปัจจุบัน หากจะศึกษาดูประวัติศาสตร์ทางมลายูอาจต้องไปถึงรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ประวัติศาสตร์ของรายา “ลือแฆะห์” นี้ยังคงเป็นปริศนาท้าทายนักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่ๆ ได้ค้นหาอย่างยิ่ง ส่วน
Credit: มติชนออนไลน์
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ "VOTE" และ "SHARE"
วัง"ลือแฆะห์"ประวัติศาสตร์ปริศนา ยังรอคำตอบ บททดสอบที่รอวันแก้ไข
87 VOTES (4.6/5 จาก 19 คน)
Voted By: มูมู้ หมูแดงคุง
หากคุณเป็นเจ้าของนิตยสาร/โมเดลลิ่ง เอเจนซี่ ต้องการโปรโมท สามารถส่ง e-mail แจ้งทีมงานให้ตั้งค่า username ของคุณเป็น Official User ได้ที่ info@postjung.com โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ









