หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
หน้ารวม Pic Post Pic Post ของฉัน สุดยอด Pic Post สุดยอดนักโพสท์คลังรูปค้นหา Pic PostPost รูป
ดูรายการโปรด เพิ่มเป็นรายการโปรด

สะพัดอีก!ภาพคล้าย'เณรคำ'นั่งเรือเหาะ

โพสท์โดย
สะพัดอีก!ภาพคล้าย'เณรคำ'นั่งเรือเหาะ ด้าน'กกต.'ชี้'ศิษย์เณร'คำยื่นใบดร.ปลอมสมัคร'ผู้ว่าฯ'ส่อผิดอาญา ขณะที่'หลวงปู่พุทธะอิสระ'ลุยฟ้องอาญาเอาผิด'เณรคำ'

5 ก.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สังคมออนไลน์มีการแชร์ภาพบุคคลหน้าคล้าย พระวิรพล สุขผล หรือ หรือ "หลวงปู่เณรคำ" กำลังนั่งอยู่บนเครื่องเล่นคล้ายเรือเหาะ ในสวนสนุก ท่ามกลางประชาชน จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา





กกต.ชี้"ศิษย์เณร"คำยื่นใบดร.ปลอมสมัคร"ผู้ว่าฯ"ส่อผิดอาญา



แหล่งข่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายสุขุม วงประสิทธิ์ ประธานเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม และอดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ครั้งที่ผ่านมา ได้ใช้ปริญญาบัตร ระดับด๊อกเตอร์ จากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก นำมาใช้เป็นเอกสารประกอบการสมัครผู้ว่าฯกทม. ว่า หากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกจัดตั้งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปริญญาบัตรย่อมต้องไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยเช่นกัน ซึ่งกรณีนี้ต้องมีการตรวจสอบเอกสารการสมัครของนายสุขุม ที่ยื่นใบสมัครไว้ที่สำนักปลัดกทม. แม้ว่าปริญญาบัตรดังกล่าวจะเป็นเพียงเอกสารประกอบการสมัคร แต่ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายจริง ก็ถือว่าเป็นการแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน เข้าข่ายเป็นความผิดทางคดีอาญา ส่วนการดำเนินการนั้น กกต.ในฐานะเจ้าพนักงานการเลือกตั้ง หรือสำนักปลัดกทม.ในฐานะผู้เสียหาย ก็สามารถส่งเรื่องให้เจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินคดีได้ แม้การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.จะเสร็จสิ้นไปแล้วและนายสุขุม ไม่ได้เป็นผู้รับการเลือกตั้งก็ตามเอาตัวนี้ใส่ด้วยนะ





"หลวงปู่พุทธะอิสระ"ลุยฟ้องอาญาเอาผิด"เณรคำ"



เมื่อเวลา 13.00 น. พระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือหลวงปู่พุทธะอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เดินทางมาพร้อมนายพายัพ เฮ้าประมงค์ ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพระวิระพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ หรือนายวิระพล สุขผล อายุ 34 ปี ประธานสำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ต.บ้านยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ , พระภูมินทร์ ภูริปัญโญ พระเลขานุการของหลวงปู่เณรคำ , นายสนอง วรอุไร , นายสุขุม วงประสิทธิ์ , นายภันธกานต์ กิ้มทอง , นายภัทรเดช โสพรรณพานิชกุล , นายวิชัย สุขอำภา , นายพลวรรฒน์ สถิตเพียรศิริ และนายวิธิเนศวร์ พงศ์เผ่าพูล เป็นจำเลยที่ 1- 9 ในความผิดฐานแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายแสดงว่าเป็นพระภิกษุสงฆ์ และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 86, 90-91, 208 และ 343ต่อศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก

โดยคำฟ้องระบุว่า เมื่อประมาณปี 2551-2556 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้ง 9 ร่วมกันหลอกลวงประชาชนจนเป็นเหตุให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนจำนวนมาก โดยจำเลยที่ 1 หลอกลวงให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นผู้วิเศษมีญาณชั้นสูงสุดหยั่งรู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งจำเลยออกไปแสดงธรรมตามสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ปฏิบัติตามหลักของพระพุทธศาสนาถึงขั้นนิพพาน และอ้างว่า ตนเองได้บรรลุธรรมมาตั้งแต่เป็นสามเณรแล้ว ซึ่งได้มีการเผยแพร่ออกสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ มาตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1 อาบัติปาราชิก ขาดจากการเป็นพระสงฆ์ตามหลักพระธรรมวินัยตั้งแต่เวลาดังกล่าวแล้ว ซึ่งจำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิ์แต่งกายหรือเครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นพระภิกษุสงฆ์ ส่วนจำเลยที่ 2-9 ได้กระทำผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้จำเลยที่ 1 กระทำผิดดังกล่าว นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ยังได้หลอกลวงประชาชนว่าได้รับอนุญาตให้สร้างวัดชื่อ “วัดป่าขันติธรรม” ต.บ้านยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ และที่เป็นสาขาอีกหลายแห่งทั่วประเทศ ทั้งที่จำเลยยังไม่ได้รับอนุญาตให้ก่อตั้งวัดตามกฎหมาย และจำเลยที่ 1 ยังได้ใช้ภาพของพระสงฆ์และวัดเป็นเครื่องมือในการอ้างก่อสร้างพระแก้วมรกต องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งยังไม่ได้ขออนุญาตเช่นเดียวกัน โดยหลอกลวงจนประชาชนหลงเชื่อและนำเงินทองทรัพย์สินมาบริจาคให้กับจำเลยที่ 1 ขณะที่จำเลยที่ 1 นำทรัพย์สินไปแสวงหาความสุขทางโลกและใช้เพื่อการส่วนตัว

ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพระเลขานุการคอยช่วยเหลือในการรับทรัพย์สิน จัดคนเข้าพบจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 2 ได้พำนักอยู่กับจำเลยที่ 1 มาตั้งแต่ปี 2551 ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นผู้เคยศึกษาและบวชมาก่อน และเป็นผู้บรรยายธรรมตามสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน ได้ช่วยสนับสนุนจำเลยที่ 1 ด้วยการบอกกล่าวให้ประชาชนมาบริจาคเงิน สำหรับจำเลยที่ 4 ที่เป็นประธานเครือข่ายบ้านวิมุติธรรมได้ทำหน้าที่จัดหาคนมาฟังการหลอกลวงของจำเลยที่ 1 ขณะที่จำเลยที่ 5 เป็นผู้พิมพ์หนังสือที่มีข้อความอวดอุตริมนุสธรรมของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 6-9 ได้จัดตั้งบริษัทขันติธรรมก้าวหน้า จำกัด เมื่อวันที่ 17 ส.ค.55 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นการตั้งบริษัทโดยใช้ชื่อเดียวกับวัดของจำเลยที่ 1 แต่ไม่ปรากฏว่าประกอบธุรกิจอื่นใดนอกจากเป็นผู้ให้การจัดกิจกรรมต่างๆ ของวัดจำเลยที่ 1

แม้โจทก์จะไม่ได้หลงเชื่อและโอนเงินให้กับจำเลยที่ 1 แต่โจทก์ถือเป็นผู้เสียหาย เพราะความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนนั้นประชาชนทุกคนย่อมเป็นผู้เสียหาย อีกทั้งการกระทำของจำเลยที่ 1 กับพวกกระทบต่อประชาชนและสังคมไทย องค์กรสงฆ์ที่เป็นองค์กรหลักของชาติ โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายในฐานะพระสงฆ์และในฐานะประชาชนคนหนึ่ง จึงขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาลงโทษพวกจำเลยตามกฎหมาย

โดยศาลรับคำฟ้องไว้ในสารบบหมายเลขดำ อ.2448/2556 เพื่อพิจารณาและมีคำสั่งต่อไปว่าจะไต่สวนและรับฟ้องหรือไม่

ภายหลังหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้อ่านแถลงการณ์กล่าวถึงเหตุที่ต้องมายื่นฟ้องคดีศาลอาญาว่า สาเหตุที่ต้องนำเรื่องฉาวของผู้ที่มาอาศัยพระพุทธธรรมมากล่าวโทษ เพราะสิ้นหวังกับขบวนการตุลาการที่เป็นเจ้าคณะปกครองของนายคำหรืออดีตภิกษุวีระพล ฉัตติโก ซึ่งท่านเหล่านั้นมีพฤติกรรมชื่นชอบลาภสักการะที่อดีตภิกษุ วีระพล ฉัตติโก มอบประเคนให้จนเห็นพระธรรมวินั
Credit: http://www.komchadluek.net/detail/20130705/162710/สะพัด%B
แชร์บน Facebook แชร์
มีผู้เข้าชมแล้ว 5,069 ครั้ง
โพสท์โดย: แป้งร่ำ มโนจริง , 11Y
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ "VOTE" และ "SHARE"
สะพัดอีก!ภาพคล้าย'เณรคำ'นั่งเรือเหาะ
22 VOTES (3.7/5 จาก 6 คน)
 
หากคุณเป็นเจ้าของนิตยสาร/โมเดลลิ่ง เอเจนซี่ ต้องการโปรโมท สามารถส่ง e-mail แจ้งทีมงานให้ตั้งค่า username ของคุณเป็น Official User ได้ที่ info@postjung.com โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม