“ริว อาทิตย์” เปิดชีวิตในรพ.บ้า โดนจับมัดมือ-เท้าฉีดยาจนลืมอดีต
โพสท์โดย“ริว อาทิตย์” เปิดใจชีวิตในโรงพยาบาลบ้า เผยครอบครัวผวาพูดเรื่องเงินเป็นต้นไม้ แถมจะไปทำธุรกิจกับ “ป้าเชง” เลยคิดว่าบ้าจะจับตัวส่งโรงพยาบาล ต้องหนีหัวซุกหัวซุน ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ที่เร็วที่สุดในโลกเพื่อจะใช้หนีตำรวจ ซื้อรถอัลพาร์ดไว้เป็นบ้านเคลื่อนที่เวลาหลบซ่อน แถมไปขอมอบตัวกับตำรวจเพราะอยากอยู่ในห้องขังคิดว่าในนั้นปลอดภัยที่สุดแล้ว สุดท้ายโดนเพื่อนหลอกให้มาเจอจะพาไปตรวจสุขภาพก่อนจะโดนจับฉีดยาสลบไป 2 วันตื่นมาอยู่ในโรงพยาบาลบ้า โดนจับมัดมือมัดเท้าฉีดยาจนเบลอลืมอดีตพูดจาไม่รู้เรื่อง ต้องอยู่ร่วมกับคนบ้าและเข้าครอสรักษา 4 ปี ลั่นไม่ได้บ้า
ตั้งแต่ “ริว อาทิตย์ ตั้งสวัสดิ์รัตน์” ตกเป็นข่าวใหญ่โตโดนอดีตแม่ยายแฉเละว่าไม่ส่งเสียเลี้ยงดูภรรยาและลูกตามที่ให้สัญญา พร้อมกับเปิดเผยว่า ริวมีอาการสติหลุดไปยืนแก้ผ้าด่าบริษัทโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่ง เพราะไม่พอใจที่คิดค่าโทรศัพท์แพง เท่านั้นไม่พอยังบีบคอภรรยาคนที่สองซึ่งคือภรรยาคนปัจจุบัน จนภรรยาต้องจับส่งโรงพยาบาลศรีธัญญา เท็จจริงเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบเพราะริวก็หายเงียบไป
แต่ล่าสุดริวปรากฏตัวในงานเปิดร้านโปรน้อง สวยเด้ง สั่งได้ด้วยปลายนิ้ว ที่ “ตุ๊กตา อุบลวรรณ บุญรอด” เพื่อนรักริวเป็นหุ้นส่วน ทำเอาทุกสายตาจับจ้องเพราะริวผูกสายสิญจน์มาเต็มข้อมือทั้งสองข้าง ทีมข่าว Exclusive บันเทิง ผู้จัดการออนไลน์ จึงไม่พลาดที่จะสัมภาษณ์เปิดใจริว “บ้า” หรือ “ไม่บ้า” ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่า โดนครอบครัวจับส่งไปโรงพยาบาลบ้าจริง โดยได้เปิดเผยถึงชีวิตปัจจุบันก่อนว่าขณะนี้ทำธุรกิจอยู่ 5 บริษัท
“ถ้าถามว่าตอนนี้ผมทำอะไรอยู่ ผมทำธุรกิจอยู่ 5 บริษัท ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับหัวใจหลักของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเงิน ไฟแนนเชียล วางแผนเรื่องภาษี ดูแลกฎหมาย ดูแลเรื่องการบริการที่จะประสานงานระหว่างลูกค้าต่างประเทศกับองค์กรภาครัฐ และดีลงานกันให้ผ่านไปในกรอบกฎหมายไทย แต่ละบริษัทจะทำการซัพพอร์ทลูกค้า ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของผมจะอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม จะมีทั้งลงทุนชาวไทยและต่างประเทศ ก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของกลุ่มไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น”
“อย่างบริษัทคัฟเวอร์ลิงค์ ก็จะดีลงานด้านธุรกิจทั้งหมด ดูด้านการเงินภาษี บริษัทแกรนด์ยูนิคอล ก็จะรับงานเฉพาะที่เป็นลูกค้ายักษ์ใหญ่อย่างล่าสุดที่ทำคือบริษัทแม็กซิสเป็นยางรถยนต์ คิดว่าอีกไม่นานก็จะเป็นเบอร์หนึ่งของประเทศ คือบริษัทของเราจะคิดการตลาดให้เขาตั้งยอดขายให้เขาซึ่งยอดขายที่ผมตั้งก็ไม่ได้ตั้งแต่แบบ 10 ล้าน 20 ล้าน ก็ตั้งไป 400 - 500 ล้านต่องานที่เขาจะขายได้”
“ผมทำงานบนพื้นฐานของความใส่ใจ ทำงานบนแฟคเตอร์ที่มันจริงๆ ผมสามารถรวมเจ้าใหญ่ๆ มาร่วมงานได้ และทำให้งานมันยิ่งใหญ่จัดระดับประเทศ ผมเคยเสนอแนะให้ผู้บริหารทั่วโลกบินมาก็ถือเป็นงานระดับทวีป ล่าสุดก็ไปจัดที่อิมแพ็คงานครบรอบ 10 ปีแม็กซิสก็ถือว่าประสบความสำเร็จครับ”
“งานของผมจะเกี่ยวข้องกับการตลาดและภาครัฐ ดีลกับกรมสรรพกร โรงงานอุตสาหกรรม ก็จับงานด้านนี้มา 10 ปีแล้วครับ ที่หายจากวงการไปก็ทำธุรกิจด้านนี้มาตลอด ผมทำงานนี้โดยที่ไม่ได้จบการตลาดหรือจบบริหารมาแต่ผมเป็นคนมีความฝัน ตอนเด็กๆ ผมเคยคิดว่าทำไมเขาไม่ทำธุรกิจแบบนี้ ทำไมไม่ทำอย่างนี้ แต่พอคิดไปแล้วตอนเด็กๆ เราไม่สามารถทำได้เพราะเราไม่มีเงินลงทุนเราได้แต่คิดแล้วก็บอกให้คนอื่นทำ ก็ทำให้คนอื่นรวยไปเยอะแล้ว เขาเอาความคิดผมไปทำจนรวยเป็น 100 ล้านหลายคนแล้ว”
“กับข่าวที่ผ่านมามันทำให้คนมองผมในแง่ร้ายได้ ผมกลายเป็นคนเลวของสังคม แต่อยากให้มาดูสังคมของผมบ้าง มาดูคนที่เขารักผมบ้าง เขาเอ็นดูผมเขารักผม เขาให้กำลังใจผมมาตลอด แต่วงการบันเทิงไม่ได้ให้กำลังใจผมเลย ข่าวที่ลงก็เอามาลงแบบ..... พูดว่าเสียใจก็เสียใจนะ ผมก็เฮิร์ตอยู่ประมาณช่วงหนึ่งของชีวิตเหมือนกัน”
“ผมอยู่วงการบันเทิงมาตั้งแต่เด็กและผมก็ผูกพันกับวงการนี้มาก ผมทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยใจ ทำด้วยความสนุกแต่พอผมไปอ่านข่าวแล้ว...ทำไมเขามองผมแบบนั้นล่ะ จากที่เราไม่สนใจความจริงก็คือความจริง ก็มันไม่ได้เป็นแบบนั้นอ่ะ แต่ปรากฏว่าทุกวันนี้เวลาเราเดินไปที่ไหน มันเจอคำถาม ทำให้เราคิดว่า เขาคิดแบบนั้นกับเราจริงๆ เหรอ อ้าว...ก็แปลว่า คนที่อ่านข่าวเขาเชื่อสื่อมวลชน อ้าวตายแล้วชีวิตเราโดนตราหน้าว่าเป็นคนบ้าเป็นคนเพี้ยน ทิ้งลูกทิ้งเมียด้วย ทิ้งตรงไหนก็ยังอยู่กันหมดน่ะ”
“ลูกผมก็เติบโตมาดี เรียนโรงเรียนที่ดี มีเงินใช้เรียนนานาชาติจะค่าเทอมเท่าไหร่ เขาก็อยู่ของเขาในชีวิตวัยเด็ก ผมก็รับผิดชอบช่วยกัน ปัจจุบันนี้ผมอยู่กับภรรยาคนที่สอง หลักๆ ก็คืออยู่กับลูกสาว ส่วนลูกชาย(ที่เกิดจากภรรยาคนที่หนึ่ง) ผมก็ไปหา ผมมีภรรยาสองคน มีลูก 3 คน ลูกกับภรรยาคนแรก 2 คน ภรรยาคนที่สอง 1 คน”
“ผมอยู่กับภรรยาคนที่สองเราช่วยกันรวย ผมเกิดมาไม่เคยเกาะใครกิน ครอบครัวผมก็มีที่ผมก็มีก็มีมรดกที่ทางเยอะแยะ ผมยังทิ้งมรดกให้ลูกคนละ 30 ล้านเลย แต่เราอยู่กันเหมือนเพื่อนมากกว่า เขาก็ไปทำงานต่างจังหวัดผมก็ทำงานของผมต่างคนก็ต่างทำงานก็ไปๆ มาๆ บางทีลูกสาวก็อยู่บ้านกับอาอี๊ซึ่งดูแลเขาตั้งแต่เด็ก ผมกลับมาก็กอดหอมมานั่งเล่นเกมส์กัน”
“ส่วนภรรยาคนที่หนึ่งเขาก็เก่งเขาก็ทำเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเสื้อผ้ายี่ห้อดังๆ ที่มีขายอยู่ตามห้าง ไม่มีใครเดือดร้อนครับ ไม่มีใครมานั่งเศร้าสร้อยเหมือนในข่าว ผมก็ไปเยี่ยมลูกกับภรรยาคนที่หนึ่งตามปกติว่างก็ไปเลย ส่วนความสัมพันธ์กับแม่ยายก็ดีครับ ตอนนั้นที่ออกมามันเป็นอารมณ์ครับ มันเป็นอารมณ์ของม่าม๊าผมก็เข้าใจอารมณ์ท่าน พอท่านโมโหปรี๊ดไปทีนึงผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก็จะกลับมาเหมือนเดิม”
โต้ไปยืนแก้ผ้าด่าบริษัทมือถือที่คิดค่าบริการแพง แต่ยอมรับว่าครอบครัวมองว่าบ้า เพราะพูดเรื่อง “เงินคือต้นไม้”
“จะบ้าเหรอถ้าผมไปแก้ผ้าที่นั่นเขาก็ต้องมีกล้องวงจรปิด
ตั้งแต่ “ริว อาทิตย์ ตั้งสวัสดิ์รัตน์” ตกเป็นข่าวใหญ่โตโดนอดีตแม่ยายแฉเละว่าไม่ส่งเสียเลี้ยงดูภรรยาและลูกตามที่ให้สัญญา พร้อมกับเปิดเผยว่า ริวมีอาการสติหลุดไปยืนแก้ผ้าด่าบริษัทโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่ง เพราะไม่พอใจที่คิดค่าโทรศัพท์แพง เท่านั้นไม่พอยังบีบคอภรรยาคนที่สองซึ่งคือภรรยาคนปัจจุบัน จนภรรยาต้องจับส่งโรงพยาบาลศรีธัญญา เท็จจริงเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบเพราะริวก็หายเงียบไป
แต่ล่าสุดริวปรากฏตัวในงานเปิดร้านโปรน้อง สวยเด้ง สั่งได้ด้วยปลายนิ้ว ที่ “ตุ๊กตา อุบลวรรณ บุญรอด” เพื่อนรักริวเป็นหุ้นส่วน ทำเอาทุกสายตาจับจ้องเพราะริวผูกสายสิญจน์มาเต็มข้อมือทั้งสองข้าง ทีมข่าว Exclusive บันเทิง ผู้จัดการออนไลน์ จึงไม่พลาดที่จะสัมภาษณ์เปิดใจริว “บ้า” หรือ “ไม่บ้า” ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่า โดนครอบครัวจับส่งไปโรงพยาบาลบ้าจริง โดยได้เปิดเผยถึงชีวิตปัจจุบันก่อนว่าขณะนี้ทำธุรกิจอยู่ 5 บริษัท
“ถ้าถามว่าตอนนี้ผมทำอะไรอยู่ ผมทำธุรกิจอยู่ 5 บริษัท ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับหัวใจหลักของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเงิน ไฟแนนเชียล วางแผนเรื่องภาษี ดูแลกฎหมาย ดูแลเรื่องการบริการที่จะประสานงานระหว่างลูกค้าต่างประเทศกับองค์กรภาครัฐ และดีลงานกันให้ผ่านไปในกรอบกฎหมายไทย แต่ละบริษัทจะทำการซัพพอร์ทลูกค้า ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของผมจะอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม จะมีทั้งลงทุนชาวไทยและต่างประเทศ ก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของกลุ่มไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น”
“อย่างบริษัทคัฟเวอร์ลิงค์ ก็จะดีลงานด้านธุรกิจทั้งหมด ดูด้านการเงินภาษี บริษัทแกรนด์ยูนิคอล ก็จะรับงานเฉพาะที่เป็นลูกค้ายักษ์ใหญ่อย่างล่าสุดที่ทำคือบริษัทแม็กซิสเป็นยางรถยนต์ คิดว่าอีกไม่นานก็จะเป็นเบอร์หนึ่งของประเทศ คือบริษัทของเราจะคิดการตลาดให้เขาตั้งยอดขายให้เขาซึ่งยอดขายที่ผมตั้งก็ไม่ได้ตั้งแต่แบบ 10 ล้าน 20 ล้าน ก็ตั้งไป 400 - 500 ล้านต่องานที่เขาจะขายได้”
“ผมทำงานบนพื้นฐานของความใส่ใจ ทำงานบนแฟคเตอร์ที่มันจริงๆ ผมสามารถรวมเจ้าใหญ่ๆ มาร่วมงานได้ และทำให้งานมันยิ่งใหญ่จัดระดับประเทศ ผมเคยเสนอแนะให้ผู้บริหารทั่วโลกบินมาก็ถือเป็นงานระดับทวีป ล่าสุดก็ไปจัดที่อิมแพ็คงานครบรอบ 10 ปีแม็กซิสก็ถือว่าประสบความสำเร็จครับ”
“งานของผมจะเกี่ยวข้องกับการตลาดและภาครัฐ ดีลกับกรมสรรพกร โรงงานอุตสาหกรรม ก็จับงานด้านนี้มา 10 ปีแล้วครับ ที่หายจากวงการไปก็ทำธุรกิจด้านนี้มาตลอด ผมทำงานนี้โดยที่ไม่ได้จบการตลาดหรือจบบริหารมาแต่ผมเป็นคนมีความฝัน ตอนเด็กๆ ผมเคยคิดว่าทำไมเขาไม่ทำธุรกิจแบบนี้ ทำไมไม่ทำอย่างนี้ แต่พอคิดไปแล้วตอนเด็กๆ เราไม่สามารถทำได้เพราะเราไม่มีเงินลงทุนเราได้แต่คิดแล้วก็บอกให้คนอื่นทำ ก็ทำให้คนอื่นรวยไปเยอะแล้ว เขาเอาความคิดผมไปทำจนรวยเป็น 100 ล้านหลายคนแล้ว”
“กับข่าวที่ผ่านมามันทำให้คนมองผมในแง่ร้ายได้ ผมกลายเป็นคนเลวของสังคม แต่อยากให้มาดูสังคมของผมบ้าง มาดูคนที่เขารักผมบ้าง เขาเอ็นดูผมเขารักผม เขาให้กำลังใจผมมาตลอด แต่วงการบันเทิงไม่ได้ให้กำลังใจผมเลย ข่าวที่ลงก็เอามาลงแบบ..... พูดว่าเสียใจก็เสียใจนะ ผมก็เฮิร์ตอยู่ประมาณช่วงหนึ่งของชีวิตเหมือนกัน”
“ผมอยู่วงการบันเทิงมาตั้งแต่เด็กและผมก็ผูกพันกับวงการนี้มาก ผมทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยใจ ทำด้วยความสนุกแต่พอผมไปอ่านข่าวแล้ว...ทำไมเขามองผมแบบนั้นล่ะ จากที่เราไม่สนใจความจริงก็คือความจริง ก็มันไม่ได้เป็นแบบนั้นอ่ะ แต่ปรากฏว่าทุกวันนี้เวลาเราเดินไปที่ไหน มันเจอคำถาม ทำให้เราคิดว่า เขาคิดแบบนั้นกับเราจริงๆ เหรอ อ้าว...ก็แปลว่า คนที่อ่านข่าวเขาเชื่อสื่อมวลชน อ้าวตายแล้วชีวิตเราโดนตราหน้าว่าเป็นคนบ้าเป็นคนเพี้ยน ทิ้งลูกทิ้งเมียด้วย ทิ้งตรงไหนก็ยังอยู่กันหมดน่ะ”
“ลูกผมก็เติบโตมาดี เรียนโรงเรียนที่ดี มีเงินใช้เรียนนานาชาติจะค่าเทอมเท่าไหร่ เขาก็อยู่ของเขาในชีวิตวัยเด็ก ผมก็รับผิดชอบช่วยกัน ปัจจุบันนี้ผมอยู่กับภรรยาคนที่สอง หลักๆ ก็คืออยู่กับลูกสาว ส่วนลูกชาย(ที่เกิดจากภรรยาคนที่หนึ่ง) ผมก็ไปหา ผมมีภรรยาสองคน มีลูก 3 คน ลูกกับภรรยาคนแรก 2 คน ภรรยาคนที่สอง 1 คน”
“ผมอยู่กับภรรยาคนที่สองเราช่วยกันรวย ผมเกิดมาไม่เคยเกาะใครกิน ครอบครัวผมก็มีที่ผมก็มีก็มีมรดกที่ทางเยอะแยะ ผมยังทิ้งมรดกให้ลูกคนละ 30 ล้านเลย แต่เราอยู่กันเหมือนเพื่อนมากกว่า เขาก็ไปทำงานต่างจังหวัดผมก็ทำงานของผมต่างคนก็ต่างทำงานก็ไปๆ มาๆ บางทีลูกสาวก็อยู่บ้านกับอาอี๊ซึ่งดูแลเขาตั้งแต่เด็ก ผมกลับมาก็กอดหอมมานั่งเล่นเกมส์กัน”
“ส่วนภรรยาคนที่หนึ่งเขาก็เก่งเขาก็ทำเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเสื้อผ้ายี่ห้อดังๆ ที่มีขายอยู่ตามห้าง ไม่มีใครเดือดร้อนครับ ไม่มีใครมานั่งเศร้าสร้อยเหมือนในข่าว ผมก็ไปเยี่ยมลูกกับภรรยาคนที่หนึ่งตามปกติว่างก็ไปเลย ส่วนความสัมพันธ์กับแม่ยายก็ดีครับ ตอนนั้นที่ออกมามันเป็นอารมณ์ครับ มันเป็นอารมณ์ของม่าม๊าผมก็เข้าใจอารมณ์ท่าน พอท่านโมโหปรี๊ดไปทีนึงผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก็จะกลับมาเหมือนเดิม”
โต้ไปยืนแก้ผ้าด่าบริษัทมือถือที่คิดค่าบริการแพง แต่ยอมรับว่าครอบครัวมองว่าบ้า เพราะพูดเรื่อง “เงินคือต้นไม้”
“จะบ้าเหรอถ้าผมไปแก้ผ้าที่นั่นเขาก็ต้องมีกล้องวงจรปิด
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ "VOTE" และ "SHARE"
“ริว อาทิตย์” เปิดชีวิตในรพ.บ้า โดนจับมัดมือ-เท้าฉีดยาจนลืมอดีต
36 VOTES (4.5/5 จาก 8 คน)
หากคุณเป็นเจ้าของนิตยสาร/โมเดลลิ่ง เอเจนซี่ ต้องการโปรโมท สามารถส่ง e-mail แจ้งทีมงานให้ตั้งค่า username ของคุณเป็น Official User ได้ที่ info@postjung.com โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ