บิ๊กบอส “มาร์เวล” “เควิน ไฟกี” ระดมทีม นำความยิ่งใหญ่ เข้มข้น แอ็คชั่น สู่ “Thor : The Dark World”
โพสท์โดยหลังจากความสำเร็จระดับโลกของภาพยนตร์เรื่อง “Thor” มาร์เวล สตูดิโอส์ ทีมผู้สร้างได้ล้วงลึกเข้าไปในคลังตำนานเทพปกรณัมนอร์สและประวัติศาสตร์กันครั้งใหญ่ เพื่องานการสร้าง “Thor : The Dark World” ภาพยนตร์เรื่องใหม่ ครั้งนี้กับการนำเสนอการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ และน่าตื่นตาตื่นใจที่สุด
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้หยิบยกธีมที่มีความเป็นสากลและเป็นที่คุ้นเคยมาใช้อีกครั้ง ด้วยการนำเอาหน้าที่และความภักดีต่อครอบครัวมาขัดแย้งกับความปรารถนาส่วนตัวและความรัก ในเรื่องนี้ โลกของเราต้องเผชิญกับศัตรูที่เราคิดว่าตายจากไปเนิ่นนานแล้ว แต่บัดนี้ ศัตรูผู้นั้นกลับกำลังคุกคามการดำรงอยู่ของจักรวาลใบนี้
เควิน ไฟกี ผู้อำนวยการสร้าง “Thor : The Dark World” และประธานบริษัท มาร์เวล สตูดิโอส์ ได้เผยว่า ทีมผู้สร้างได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน ด้วยการค้นคว้าเรื่องของเทพปกรณัมนอร์ส ในตอนที่พวกเขาตัดสินใจที่จะสร้างให้เทพเจ้าเป็นซูเปอร์ฮีโรในหนังสือการ์ตูน “หลายคนคุ้นเคยกับเทพปกรณัมกรีกและโรมันดี แต่กลับไม่คุ้นเคยกับตำนานนอร์สซักเท่าไหร่ ตอนที่คุณได้อ่านเรื่องราวพวกนี้ มันเหมือนกับการ์ตูนที่ดีที่สุดของ มาร์เวล คอมิกส์ เพราะพวกเขาเป็นคนที่มีความเป็นมนุษย์มากๆ แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังก็ตามที แม้ว่าพวกเขาจะเรียกพายุ สายฟ้าและฟ้าผ่าได้ พวกเขาต่างก็มีปัญหาครอบครัว พี่น้องสองคนทะเลาะกัน (ธอร์กับโลกิ) มันเป็นดราม่าในครอบครัวและพวกเขาก็มีข้อเสียเหมือนกับมนุษย์ หรือคนทั่วๆไปอย่างพวกเราทุกคนหรือฮีโรมาร์เวลทุกคน นั่นคือสิ่งที่ทำให้ตัวละครของมาร์เวลสามารถเข้าถึงได้เหลือเกินครับ จากในตอนจบของ “Marvel’s The Avengers” หลังจากที่เขาพยายามจะยึดครองโลก โลกิ น้องบุญธรรมของธอร์ ได้ถูกธอร์จับตัวเป็นนักโทษกลับไปยังแอสการ์ด จากจุดเริ่มต้นนี้ ทีมงานจำนวนมากที่มาร์เวล ( ที่มีทั้ง ผู้อำนวยการสร้างเควิน ไฟกี, ผู้อำนวยการสร้างบริหาร เครก ไคล์, ผู้กำกับ อลัน เทย์เลอร์ , มือเขียนบท ) ได้นั่งลงพิจารณาว่าเรื่องราวของธอร์ควรจะดำเนินไปยังทิศทางใดต่อครับ ซึ่งมือเขียนบท คริสโตเฟอร์ แอล. ยอสต์ ได้บอกกับพวกเราว่า ในครั้งนี้พวกเราจะได้เห็นการยกระดับเรื่องราวส่วนตัวของเขาที่มากขึ้น และการผลักดันความขัดแย้งให้ไปอีกระดับขั้น ซึ่งต่อจากภาคแรก ที่เราได้เห็นธอร์เปลี่ยนแปลงตัวเอง จากการเป็นเจ้าชายผู้หุนหันพลันแล่นไปสู่การค่อยๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ในภาคนี้เรื่องราวชีวิตนั้นได้ดำเนินต่อเนื่อง และเขาก็เติบโตขึ้น เขาขยับเข้าใกล้ความจริงของการสืบทอดพลังยิ่งใหญ่ของโอดินแล้วครับ เขาไม่ได้เติบโตเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพความเป็นราชันย์ด้วย แต่เมื่อธอร์เติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีความคิดอ่านลึกซึ้งขึ้น เขาก็ต้องเสียสละบางอย่างและต้องทุกข์ทรมาน ซึ่งมันเป็นอะไรที่วิเศษสุดๆ และน่าติดตามเป็นอย่างยิ่งครับ ”
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้หยิบยกธีมที่มีความเป็นสากลและเป็นที่คุ้นเคยมาใช้อีกครั้ง ด้วยการนำเอาหน้าที่และความภักดีต่อครอบครัวมาขัดแย้งกับความปรารถนาส่วนตัวและความรัก ในเรื่องนี้ โลกของเราต้องเผชิญกับศัตรูที่เราคิดว่าตายจากไปเนิ่นนานแล้ว แต่บัดนี้ ศัตรูผู้นั้นกลับกำลังคุกคามการดำรงอยู่ของจักรวาลใบนี้
เควิน ไฟกี ผู้อำนวยการสร้าง “Thor : The Dark World” และประธานบริษัท มาร์เวล สตูดิโอส์ ได้เผยว่า ทีมผู้สร้างได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน ด้วยการค้นคว้าเรื่องของเทพปกรณัมนอร์ส ในตอนที่พวกเขาตัดสินใจที่จะสร้างให้เทพเจ้าเป็นซูเปอร์ฮีโรในหนังสือการ์ตูน “หลายคนคุ้นเคยกับเทพปกรณัมกรีกและโรมันดี แต่กลับไม่คุ้นเคยกับตำนานนอร์สซักเท่าไหร่ ตอนที่คุณได้อ่านเรื่องราวพวกนี้ มันเหมือนกับการ์ตูนที่ดีที่สุดของ มาร์เวล คอมิกส์ เพราะพวกเขาเป็นคนที่มีความเป็นมนุษย์มากๆ แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังก็ตามที แม้ว่าพวกเขาจะเรียกพายุ สายฟ้าและฟ้าผ่าได้ พวกเขาต่างก็มีปัญหาครอบครัว พี่น้องสองคนทะเลาะกัน (ธอร์กับโลกิ) มันเป็นดราม่าในครอบครัวและพวกเขาก็มีข้อเสียเหมือนกับมนุษย์ หรือคนทั่วๆไปอย่างพวกเราทุกคนหรือฮีโรมาร์เวลทุกคน นั่นคือสิ่งที่ทำให้ตัวละครของมาร์เวลสามารถเข้าถึงได้เหลือเกินครับ จากในตอนจบของ “Marvel’s The Avengers” หลังจากที่เขาพยายามจะยึดครองโลก โลกิ น้องบุญธรรมของธอร์ ได้ถูกธอร์จับตัวเป็นนักโทษกลับไปยังแอสการ์ด จากจุดเริ่มต้นนี้ ทีมงานจำนวนมากที่มาร์เวล ( ที่มีทั้ง ผู้อำนวยการสร้างเควิน ไฟกี, ผู้อำนวยการสร้างบริหาร เครก ไคล์, ผู้กำกับ อลัน เทย์เลอร์ , มือเขียนบท ) ได้นั่งลงพิจารณาว่าเรื่องราวของธอร์ควรจะดำเนินไปยังทิศทางใดต่อครับ ซึ่งมือเขียนบท คริสโตเฟอร์ แอล. ยอสต์ ได้บอกกับพวกเราว่า ในครั้งนี้พวกเราจะได้เห็นการยกระดับเรื่องราวส่วนตัวของเขาที่มากขึ้น และการผลักดันความขัดแย้งให้ไปอีกระดับขั้น ซึ่งต่อจากภาคแรก ที่เราได้เห็นธอร์เปลี่ยนแปลงตัวเอง จากการเป็นเจ้าชายผู้หุนหันพลันแล่นไปสู่การค่อยๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ในภาคนี้เรื่องราวชีวิตนั้นได้ดำเนินต่อเนื่อง และเขาก็เติบโตขึ้น เขาขยับเข้าใกล้ความจริงของการสืบทอดพลังยิ่งใหญ่ของโอดินแล้วครับ เขาไม่ได้เติบโตเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพความเป็นราชันย์ด้วย แต่เมื่อธอร์เติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีความคิดอ่านลึกซึ้งขึ้น เขาก็ต้องเสียสละบางอย่างและต้องทุกข์ทรมาน ซึ่งมันเป็นอะไรที่วิเศษสุดๆ และน่าติดตามเป็นอย่างยิ่งครับ ”
แชร์
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ "VOTE" และ "SHARE"
บิ๊กบอส “มาร์เวล” “เควิน ไฟกี” ระดมทีม นำความยิ่งใหญ่ เข้มข้น แอ็คชั่น สู่ “Thor : The Dark World”
64 VOTES (4.9/5 จาก 13 คน)
หากคุณเป็นเจ้าของนิตยสาร/โมเดลลิ่ง เอเจนซี่ ต้องการโปรโมท สามารถส่ง e-mail แจ้งทีมงานให้ตั้งค่า username ของคุณเป็น Official User ได้ที่ info@postjung.com โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ