"ฟิวเจอร์"ย้ำแชมป์สกัดเซ็นทรัล-อิเกีย เปิด"มาสเตอร์แพลน"800ไร่ดึงยักษ์ค้าปลีกร่วมทัพ

ศึกใหญ่ค้าปลีกกรุงเทพฯตอนเหนือระอุ "ฟิวเจอร์พาร์ค" เปิดมาสเตอร์แพลน เล็งพัฒนาที่ดิน 800 ไร่ สร้างอาณาจักรค้าปลีกยึดหัวหาดเบ็ดเสร็จ รับมือคู่แข่ง "เซ็นทรัล-อิเกีย" เผยแผนเจรจรดึงพาร์ตเนอร์ค้าปลีกสยายปีกร่วมทัพ มั่นใจทำเลทอง "เกตเวย์" สุดเริ่ดกวาดทุกทาร์เก็ต หลังแนวโน้มเมืองขยาย-กำลังซื้อเติบโตก้าวกระโดด


การเคลื่อนทัพครั้งสำคัญของ "ฟิวเจอร์พาร์ค"ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มตระกูลหวั่งหลีที่เริ่มขยับตัว แบบก้าวกระโดด ไม่เพียงการลงทุนครั้งใหม่ด้วยมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อสร้างศูนย์การค้าใหม่

ภายใต้ชื่อ สเปล (Zpell) บนที่ดิน 12 ไร่ บริเวณด้านข้างศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ปัจจุบันเพื่อเปิดตลาดพรีเมี่ยม ด้วยการขน 100 ร้านค้าแบรนด์ดังร้านอาหาร-แฟชั่น จากห้างกลางเมือง และพร้อมเปิดในอีก 2 ปีจากนี้เท่านั้น

แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังเป็นการปรับตัวครั้ง สำคัญ เพื่อรองรับการแข่งขันจากคู่แข่งรายใหญ่ คือ กลุ่มเซ็นทรัล ที่ยึดทำเลของบริเวณโรงงานไทยเมล่อน เดิมกว่า 600 ไร่ รวมถึงการร่วมทุนของอิคาโน่และสยามฟิวเจอร์ ปักธงบนที่ดินแปลงใหญ่นับ 1,000 ไร่ ซึ่งทั้ง 2 รายนี้กำลังก้าวเข้ามาเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกโซนกรุงเทพฯตอนเหนือที่ กำลังเติบโต และฟิวเจอร์พาร์คเป็นเจ้าตลาดอยู่

ล่าสุด ตระกูลหวั่งหลี ได้เปิด "มาสเตอร์แพลน" สำหรับพัฒนาที่ดินอีกกว่า 800 ไร่ที่เหลือ ตามยุทธศาสตร์ "รีเทล เดสติเนชั่น"เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่คาดว่าจะร้อนแรงยิ่งขึ้น

ดึงยักษ์รีเทลสร้างอาณาจักร

นายสุชาย วัชอภัยกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายการเงินและปฏิบัติการ บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมของตลาดค้าปลีกยังมีการแข่งขันรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนกรุงเทพฯตอนเหนือ หากสังเกตจะเห็นว่ามีความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการรายใหญ่และกลุ่มทุนใหม่ ที่เข้ามาเป็นทางเลือกมากขึ้น

สำหรับฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือในทุกรูปแบบ ทั้งการเพิ่มศักยภาพและการขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ครบและครอบคลุมมากขึ้น

นอกจากแผนการลงทุนศูนย์การค้าใหม่"สเปล" บนพื้นที่ 12 ไร่ ที่เป็นส่วนต่อขยายและพร้อมจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในไตรมาส 3 ปี 2558 แล้ว ยังมีแผนการลงทุนครั้งใหญ่ที่เป็นมาสเตอร์แพลน เพื่อเป็น "รีเทล เดสติเนชั่น" ที่สมบูรณ์แบบและครบวงจร โดยจะเป็นการลงทุนของกลุ่มตระกูลหวั่งหลี ที่เตรียมบริหารที่ดินกว่า 800 ไร่ ที่มีอยู่ทั้ง 2 ฝั่งถนนด้านที่เป็นฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และด้านฝั่งตรงข้ามเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดในอนาคต

"จุดแข็งของฟิวเจอร์พาร์ค นอกจากการเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่แล้ว ยังตั้งอยู่ในโลเกชั่นที่เป็นเกตเวย์ และยังมีพื้นที่ที่สามารถมาต่อยอดและดึงเอารีเทลแม็กเนตรีเทลขนาดใหญ่ที่ อยากจะเข้ามาขยายธุรกิจร่วมกันตรงนี้เข้ามาเสริมซึ่งกันและกันตอนนี้อยู่ใน ขั้นตอนการพูดคุยกัน ซึ่งจะเห็นภาพชัดเจนและสรุปแผนอีกไม่นาน"

นายสุชายขยายความต่อไปว่า การวางมาสเตอร์แพลนพัฒนาที่ดิน 800 ไร่ ครั้งนี้จะเป็นแผนงานร่วมกันทั้งกลุ่มตระกูลหวั่งหลี และพันธมิตรทั้งรายเก่าและรายใหม่ที่สนใจ เพื่อจะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้สามารถเชื่อมโยงและไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีพาร์ตเนอร์ที่เป็นค้าปลีกรายใหญ่ 15 ราย ที่ร่วมมือกันบนทำเลทองนี้ อาทิ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, โรบินสัน, บิ๊กซี, โฮมโปร, โฮมเวิร์ค, ออฟฟิศเมท, อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์, เอสบี เฟอร์นิเจอร์, ฟิตเนสเฟิร์ส, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และเพาเวอร์บายเป็นต้น

"ทำเล" จุดแข็งเหนือคู่แข่ง

ผู้บริหารฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากมีจุดแข็งในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ฟิวเจอร์พาร์คเองก็ต้องเร่งปรับตัวและเร่งปรับปรุงศูนย์การค้า ด้วยการเพิ่มส่วนต่อขยายเพื่อดึงแม็กเนตใหม่ๆ หรือร้านค้าใหม่ๆ ที่สนใจเข้ามาให้ครบและสมบูรณ์แบบ เพื่อเพิ่มความหลากหลายและเสริมศักยภาพของฟิวเจอร์พาร์ค และรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น

"ตอนนี้พื้นที่โครงการเดิมไม่ สามารถที่จะหาพื้นที่มารองรับร้านค้าใหม่ๆ ได้ เพราะอัตราการเช่าเต็มถึง 98% และโครงการใหม่จะเป็นการสร้างศักยภาพการแข่งขันของฟิวเจอร์พาร์คให้สูงขึ้น รองรับและดึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้มากขึ้น และการเพิ่มพื้นที่ดังกล่าวจะทำให้เรากลายเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศที่มีความครบและสมบูรณ์แบบ ตอกย้ำอันดับ 1 ของโซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือ และเมื่อเปิดสเปล เราจะเพิ่มทั้งพื้นที่ขายและที่จอดรถที่รองรับลูกค้าได้อีก 8,500 คัน"

รายงาน ข่าวจากบริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นนอล ประเทศไทย เปิดเผยถึงพื้นที่ค้าปลีกในกรุงเทพฯว่า เติบโตอย่างมาก รวมทั้งการเติบโตที่รวดเร็วของพื้นที่ย่านชานเมืองส่งผลต่อการขยายตัวธุรกิจ ค้าปลีก เนื่องจากมีค้าปลีกรายใหม่เตรียมเปิดพื้นที่ใหม่ต่อเนื่อง โดยพื้นที่ค้าปลีกรอบใจกลางเมือง25% พื้นที่ใจกลางเมือง 22% และพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอก 53% แบ่งเป็นพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯฝั่งทิศตะวันออก 23% ทิศตะวันตก 11% และกรุงเทพฯตอนเหนือ 19%

โดยปีที่ผ่านมามีพื้นที่ค้าปลีกใหม่เพิ่ม ขึ้นจำนวนมากกว่า 284,000 ตร.ม. และส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอก ทำให้ตัวเลขพื้นที่ค้าปลีกรวมปีที่ผ่านมาในกรุงเทพฯและรอบนอกมีมากกว่า 6,771,000 ตร.ม.

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการค้าปลีกพยายามที่จะพัฒนาโครงการในพื้นที่ที่มีกำลังซื้อโดย เฉพาะพื้นที่รอบนอกของกรุงเทพฯ เนื่องจากมีโครงการที่อยู่อาศัยขยายตัวและเกิดขึ้นจำนวนมาก และปัจจุบันพื้นที่ค้าปลีกรวมกว่าครึ่งหนึ่งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอก โดยร้านค้าแบรนด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ในค้าปลีกกลางเมือง และบางสาขาของศูนย์การค้านอกเมืองเท่านั้น

หากคุณเป็นเจ้าของนิตยสาร/โมเดลลิ่ง เอเจนซี่ ต้องการโปรโมท สามารถส่ง e-mail แจ้งทีมงานให้ตั้งค่า username ของคุณเป็น Official User ได้ที่ info@postjung.com โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ