นู๋ร๊ากผัวเขา ผัวเขาก้อร๊ากหนู” ถูกแฉข้อความฉาวกับพระเณรด้วยกัน

จากกรณีชาวพุทธร้องเรียน กรณีพระมหาวิทยาลัยสงฆ์ชื่อดังแต่งหญิง โชว์หราในเฟซบุ๊ก จนทำให้สังคมเกิดความเป็นห่วงว่าจะกระทบต่อศรัทธาและพระพุทธศาสนา ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 16 เม.ย. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กล่าวว่า ตนได้รับเบาะแสและข้อมูลจากสมาชิกเครือข่ายฯ ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ ที่มีการแสดงพฤติกรรมผ่านทางเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อทางเฟซบุ๊กว่า “นู๋ร๊ากผัวเขา ผัวเขาก้อร๊ากหนู” หรือฉายา "นาตาลีร้อยหน้า" เพิ่มเติม พบเบาะแสว่า ชื่อของพระรูปนี้ คือ “พระมหานภัทร์สรณ์” และอยู่วัดอักษรย่อ ม. ใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่ยังไม่ขอเปิดเผยชื่อวัดเพราะตนจะต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งว่าจริงหรือไม่



นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลในเฟซบุ๊กดังกล่าว ยังพบข้อมูลเกี่ยวกับการสนทนาของบุคคลรายนี้ โดยมีการโพสต์ถ้อยคำที่รุนแรง “วันนี้ไปตบกระเทยน้อยมารู้สึกเจ็บทั้งตัว ที่เจ็บที่สุด คือ นิ้ว แต่ก็ภาคภูมิใจ ที่ไปถิ่นเขาและเอาชนะกลับมาได้ ปล.ไม่คอยสบายขอตัวพักผ่อนก่อนนะ งดเที่ยว งดให้ผู้ชายเ..ด โฟกัสรักแฟคลับทุกคนนะคะ” และมีข้อความหนึ่งที่โต้ตอบการสนทนา โดยเจ้าของเฟซ“นู๋ร๊ากผัวเขา ผัวเขาก้อร๊ากหนู” เขียนตอบว่า “กูเรียนจบ กูก็สึกสิจะอยู่ทำไม”

และพบข้อความหนึ่งโพสต์ถึงพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งว่า ห้องพระท่านพระเดชพระคุณ ห้องนี้แหละทำให้ได้จมูก ได้หน้าใหม่มา เพราะสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน พร้อมทั้งแสดงรูปของห้องพระประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบว่า มีการโพสต์ภาพห้องรับแขก ที่ผู้ใหญ่มอบให้ ซึ่งเมื่อดูในภาพมีลักษณะคล้ายกุฎิ หรือห้องรับรองของวัด เพราะมีภาพของพระสงฆ์อยู่ข้างห้องดังกล่าวด้วย

ขณะที่ข้อความที่โพสต์ในเดือน มี.ค.มีการระบุอย่างชัดเจนว่า วิชาแรกเสร็จละ ไปหาอะไรกินกับผัวเบาๆ และข้อความว่า มาสอบวันที่สองรู้สึกดีใจที่เข้าวงการมหาวิทยาลัยอีกรอบหนึ่ง ขอฝากตัวให้สาวเอกจิตวิทยาด้วยนะคะ โดยมีการแสดงสถานที่ที่โพสต์ว่าเป็น มหาวิทยาลัยสงฆ์ชื่อดังแห่งหนึ่ง

นายสงกานต์ กล่าวต่อไปว่า จากพฤติการณ์ที่ ตนได้รับมา พบว่า มีการระบุว่า ได้ผู้ชายมากี่คน มีการเที่ยวผับเที่ยวบาร์ ซึ่งการเป็นพระหากมีการเสพเมถุนหรือเสพสังวาสแล้ว ถือว่า ปาราชิก ไม่สามารถกลับมาบวชใหม่ได้ ถือว่าสิ้นสุดการเป็นพระสงฆ์ อย่างไรก็ตาม ตนอยากสร้างความเข้าใจต่อพระสงฆ์ สามเณร ว่า ถึงแม้จะสึกจากพระแล้ว ยังคงต้องรับโทษอาญาจากทางโลกต่อไปอีก หากมีการพิสูจน์ทราบว่า การปาราชิกขาดจากความเป็นพระเมื่อใด หรือตั้งแต่มีการเสพสังวาสแล้ว แต่ยังคงแต่งสงฆ์อยู่ ถือว่ามีความผิดแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ และหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน ในฐานะที่ปกปิดที่ทำให้หลงเชื่อและบริจาคทรัพย์สินด้วย



อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 17 เม.ย. เวลา 14.00 น. ตนจะนำภาพลับเฉพาะ รวมถึงข้อมูลหลักฐานทั้งหมดของบุคคลดังกล่าว ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพ.ต.อ.ประสบโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการกองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีทางกฏหมายต่อไป

การดูหมิ่นพระพุทธศาสนา เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 206 ระบุว่า ผู้ใด กระทำด้วยประการใดๆ แก่วัตถุ หรือสถาน อันเป็นที่เคารพในทางศาสนา ของหมู่ชนใด อันเป็นการเหยียดหยามศาสนานั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 14,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“สิ่งที่ผมและเครือข่ายได้ดำเนินการเป็นการปกป้องพระพุทธศาสนา จึงอยากให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และประชาชนเข้าใจ รวมทั้งอย่าเสื่อมศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา หากทุกคนช่วยกันกำจัด พระนอกรีต ให้หมดไปจากสังคมไทยและพระพุทธศาสนาจะดียิ่งขึ้น”ประธานเครือข่ายฯ กล่าว

ทั้งนี้ตนไม่ได้ต่อต้านบุคคลเพศที่ 3 แต่หากเข้ามาบวชเป็นพระภิกษุสามเณรก็ควรที่จะประพฤติตัวให้เหมาะสมด้วย




ที่มา: http://www.nationchannel.com/main/content/social/378402761/
เพจ FuckGhost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย

หากคุณเป็นเจ้าของนิตยสาร/โมเดลลิ่ง เอเจนซี่ ต้องการโปรโมท สามารถส่ง e-mail แจ้งทีมงานให้ตั้งค่า username ของคุณเป็น Official User ได้ที่ info@postjung.com โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ