“เฟร้นช์ฟราย” ฝ่าแรงกดดันสู้ฝันให้เป็นจริง แนะปรับวิธีคิดเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย

“ฝันแรกเลยจริง ๆ อยากเป็นแอร์โฮสเตส พอโตมาฝันเปลี่ยนไปอยากเป็นหมอ โตมาอีกหน่อยก็รู้ว่าเป็นคนกลัวเลือด งั้นเรียนภาษาจีนแล้วกัน เพราะชอบการพูดพูดเก่งมาก ชอบเป็นพิธีกร จนเกิดเป็นฝันที่อยากเป็นผู้ประกาศข่าว เป็นอาชีพที่อยากทำได้อ่านข่าวใหม่ ๆ ในแต่ละวัน คิดว่าน่าจะซึมซับมาจากที่บ้านเปิดทีวีดูข่าวมากกว่าดูละคร ตอนเด็ก ๆ ก็เคยซ้อมเล่น ๆ เอาหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่านหน้ากระจกให้คุณพ่อฟังตามภาษาเด็ก พอโตมากลับเจออะไรหลายอย่างมาก จำได้ค่ะว่าเคยมีหลายคำพูดที่ขับเคลื่อนเรา เช่น ตอนไปประกวดแต่ละครั้ง ด้วยคาแรคเตอร์ของเราเราเป็นสาวเหนือ แต่ภายนอกคนเขาไม่ได้คิดว่าเราเป็นสาวเหนือกัน เพราะความคาดหวังของพวกเขาคือผู้หญิงเหนือต้องพูดช้า เรียบร้อย ผิวขาว มีคนทักเราว่าผิวเข้มจังทำไมเหมือนคนใต้เลย (หัวเราะ) บางอย่างที่เขาพูดกับเรามาทำให้เราไม่มั่นใจในการประกวดนางงาม หรือการประกวดพิธีกรเวทีต่าง ๆ เคยไปถึงจุดที่คิดว่าตัวเราเองไม่มีค่าอะไรเลย จนเราคิดว่าคงต้องปรับที่มายเซ็ทตัวเอง ถ้าปรับพวกเขาไม่ได้ก็ปรับที่ตัวเรา ได้คุณแม่กับครอบครัวที่ผลักดันและสนับสนุนไม่ว่าเราจะชอบอะไร ก็ส่งแรงส่งใจช่วยตลอด จนความล้มเหลวที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ให้เราเข้าใจ เวทีที่เขาไม่ต้องการเราเพราะเขาอาจจะได้คนที่เหมาะสมกว่า หรือหากปี 2015 เราไม่ประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ ไปประกวดปีถัดไปเราอาจจะไม่ได้ก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเราพยายามกับสิ่งไหนมาก ๆ สิ่งนั้นมันจะเรียกหาเราเองค่ะ”