🇹🇭 THAILAND | "krachappi-กระจับปี่" Thai Musical Instrument 🔸
โพสท์โดย อ้ายเติ่งกระจับปี่
◈ The krachappi is a plucked, fretted lute of Thailand since Sukhothai & Ayutthaya periods, especially in the royal court, and used in central Thai classical music. It is made of jackfruit or teak wood, and it has four strings in two courses that are plucked with a plectrum. It usually has a long decorative wooden "tail."
♦️ Krarabpi (four-stringed lute) is a Thai musical instrument with 4 strings plucked. When playing, the thumb and index finger are used. Grasp the stick and play the strings to make a sound and it is assumed that the Krarabpi (four-stringed lute) is a Thai musical instrument that has existed since ancient times as shown in the stucco images of the Dvaravati period and the Royal Law in the Ayutthaya period. (The Dvaravati Kingdom is an ancient kingdom that arose in Thailand for a period of time before its collapse.) The appearance of the instrument, the style of playing, and the songs used to play the flute. All have content and the history of the Thai people inserted in it.
In addition, the Department of Cultural Promotion has announced the registration of the intangible cultural heritage of Thailand, Performing Arts of the Year 2011
.
♦️ กระจับปี่ เป็นเครื่องดนตรีไทยประเภทดีด หรือพิณ ๔ สายชนิดหนึ่ง ตัวกะโหลกของกระจับปี่มีลักษณะแบนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีคันทวนยาวโค้งงอนไปด้านหลัง เวลาบรรเลงใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ จับไม้ดีด เขี่ยสายให้เกิดเสียง และสันนิษฐานว่ากระจับปี่เป็นเครื่องดนตรีของไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณ ดังปรากฏในภาพปูนปั้นสมัยทวารวดี รูปร่างหน้าตาของเครื่องดนตรี รูปแบบวิธีการบรรเลงและบทเพลงที่ใช้บรรเลงกระจับปี่ ล้วนมีสาระและประวัติศาสตร์ของชนชาติไทยที่แฝงอยู่ และกรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทย ประเภทศิลปะการแสดง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔
.
♦️ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีกล่าวไว้ในกฎมณเฑียรบาลว่า “ร้องเพลงเรือ เป่าปี่เป่าขลุ่ย สีซอดีดจะเข้ กระจับปี่ตีโทนทับ โห่ร้องนี่นั่น” ต่อมาก็นำมาใช้เป็นเครื่องดีดประกอบการขับไม้ สำหรับบรรเลงในพระราชพิธี แต่เนื่องจากกระจับปี่มีเสียงเบาและมีน้ำหนักมาก ผู้ดีดกระจับปี่จะต้องนั่งพับเพียบขวาแล้วเอาตัวกระจับปี่ วางบนหน้าขาข้างขวาของตน เพื่อทานน้ำหนัก มือซ้ายถือคันทวนมือ ขวาจับไม้ดีด เป็นที่ลำบากมาก อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ไม่ค่อยมีผู้นิยมเล่นกระจับปี่ ในปัจจุบันจึงหาผู้เล่นได้ยาก
.
♦️ กระจับปี่ สันนิษฐานกันว่าน่าจะมาจากภาษาชวา คำว่า “กัจฉปิ” ซึ่งคำนี้มีรากฐานของคำศัพท์ในบาลีสันสกฤต คำว่า “กัจฉปะ” ที่แปลว่า “เต่า” เนื่องจากลักษณะของกระจับปี่นั้น จะมีกะโหลกเป็นรูปกลมรีแบนทั้งหน้าหลัง ซึ่งมองแล้วคล้ายกับกระดองของเต่า ปัจจุบันจัดอยู่ในวง "มโหรีเครื่องใหญ่"