🇹🇭 THAILAND | The concubine in Ayutthaya Kingdom
โพสท์โดย อ้ายเติ่งพระสนมถวายตัวแด่กษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
🔸 Costume: อยุธยา ชุดไทย
🔸 Photographer: Photo-by Noppadol Maneephan
♦️ การนำลูก และ หลานสาวทูลเกล้าถวายตัวให้เป็นบาทบริจาริกาของกษัตริย์ เป็นไปเพื่อพยุงฐานะทางเศรษฐกิจสังคม และการเมืองของสมาชิกในตระกูลตนด้วยเช่นกัน จึงทำให้พระราชสำนัก จึงคับคั่งไปด้วยสุภาพสตรีมากหน้าหลายตา คอยปรนนิบัติรับใช้กษัตริย์ ซึ่งการถวายตัวเป็นมเหสีของกษัตริย์ จะต้องอยู่ในธรรมเนียมอันเคร่งครัด.
✦ “พระแท่นบรรทมจะอยู่ใต้เศวตฉัตร เจ้าจอมจะขึ้นไปนอนบนพระแท่นบรรทมไม่ได้ จะมีพระแท่นรองเวลาถวายงาน เท้าเจ้าจอมจะชี้ไปที่พระแท่นก็ไม่ได้ จึงมีท่ากามสูตรที่จะเก็บเท้าไม่ให้ชี้ ผู้หญิงมีตระกูลที่จะถวายตัว ต้องฝึกท่า "พับเป็ด" ที่คล้ายคลึงกับท่าโยคะบางท่าตั้งแต่เล็ก”
บรรดาหญิงสาวต้องผ่านการล้างและอบร่ำอวัยวะเพศอย่างพิถีพิถัน และท่าแรกในการถวายตัวคือ พนมมือนอนหงายในท่า “พับเป็ด” เพื่อไม่ให้ตีนของหญิงที่กษัตริย์กำลังทรงร่วมเพศไปสัมผัสพระวรกายของพระเจ้าแผ่นดิน เพราะตามคติความเชื่อชาวสยามแล้ว ตีนเป็นของต่ำที่จะไม่สามารถถูกหรือสัมผัสพระเจ้าแผ่นดินซึ่งประหนึ่งเทพเจ้าอันสูงสุดได้แม้แต่เพียงพระบาทของพระองค์ “ท่าพับเป็ด” ของผู้หญิงจึงกลายเป็นท่าแรกและท่าบังคับตามจารีตประเพณี ตามที่ แต่ท่าร่วมเพศหลังจากนั้นน่าจะขึ้นอยู่กับพระราชนิยมส่วนพระองค์ แต่ถึงกระนั้นบางท่าบางลีลาน่าเป็นท่าต้องห้ามเพราะในสังคมสยามที่เชื่อถือกันมายาวนานแล้วว่า ศีรษะหรือผมเป็น “ของสูง” ห้ามให้ผู้อื่นไปสัมผัสอวัยวะดังกล่าว หรือแม้แต่การเอื้อมมือกรายข้ามหรือการสัมผัสลอมพอกก็ตามเพราะถือว่าเป็นการดูถูกดูแคลนอย่างมหันต์
♦️ การแต่งกายของสตรีที่จะถวายตัว
ตามคติความเชื่อที่สืบทอดกันมาตั้งสมัยแต่โบราณนั้น พระมหากษัตริย์เปรียบดั่งองค์สมมติเทพ ซึ่งองค์สมมติเทพนั่นก็คือ องค์พระนารายณ์ที่อวตารลงมาบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาราษฎรบนโลกมนุษย์ ดังนั้นเหล่าสตรีผู้ที่มาเป็นมเหสี สนม นางใน จึงเปรียบเสมือนนางฟ้าเทพธิดาต่างๆ บนสรวงสวรรค์ตามลงมาคอยปรนนิบัติรับใช้ ซึ่งเหล่านางฟ้าเทพธิดาทั้งหลายจะได้รับการพรรณาว่ามีผิวขาวนวล คิ้วโก่งดั่งคันศร ผมสีดำขลับ ปากแดงดั่งสีชาด ซึ่งเป็นความงามในอุดมคติของเหล่านางฟ้าทั้งหลาย ตามความเชื่อจากคัมภีร์ไตรภูมิพระร่วงที่มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ทำให้นางฟ้าในอุดมคติไทยจะมีลักษณะแบบนี้มาจนถึงปัจจุบัน
✦ ดังนั้นสตรีใดได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าให้ถวายตัวเป็นบาทบริจาแก่พระมหากษัตริย์แล้ว ตามโบราณราชประเพณีจึงจำเป็นต้องจัดเตรียมเครื่องแต่งตัวเครื่องประดับและที่สำคัญคือเครื่องแต่งหน้าให้ประหนึ่งว่าเป็นดั่งนางฟ้าเทพธิดา นอกจากนี้การทาตัวด้วยสีขาวนั้นก็เพื่อจะได้มองเห็นรูปร่างและใบหน้าได้ชัดๆ เพราะสมัยก่อนมีแต่เทียนไข ต่อให้จุดเป็นร้อยเล่มยังไงก็ไม่สว่างแบบแสงไฟปัจจุบัน.
—————•♦•—————
♦️ The concubine presented herself to the king on the first night.
In ancient times, Ayutthaya was the capital of Thailand. In those days, people believed that the King was the Divine Right of Kings or Vishnu who incarnated (avatar) to heal suffering and bring happiness to people on earth.
The daughter of the noble and royal family who will become queen or concubine, who had to offer herself to the king. They had to behave strictly to maintain the power and privilege of their family, even making love to the king had many rules, or in Thai is called "Thawai Tua" (Thai: ถวายตัว).
✦ The women are thoroughly bathed, their genitals steamed with high-class perfumes, and the first position of consecration is The hands are folded and the feet are folded behind the back, also known as the "Pub Ped: ท่าพับเป็ด" which is a type of yoga pose, position so that the feet of the woman with whom the king is making love do not touch his body, because according to Siamese belief that the feet It was a low thing, including the prohibition of touching the head of the king, who was considered the highest god.
After the first night, their love positions will be based on their personal tastes.
✦ The woman must wear clothing and jewelry like an angel in heaven and the important thing is to paint your face and body white, because from the Traibhum Phra Ruang (ไตรภูมิพระร่วง) scriptures that have existed since the Sukhothai period, it is said that angels have off-white skin, eyebrows arched like the bow of a bow, hair was jet black and had red lips.
Therefore, women had to dress like angels in heaven and by painting their faces and bodies white it was assumed that their bodies and faces could be seen more clearly because in ancient times there was only light from candles, but even if a hundred candles were lit, they would not be as bright as today's lights.
=======
♦️ The Ayutthaya Kingdom was founded in 1351 by King Ramathibodi I, also known as U-Thong. It was the second Thai empire, after Sukhothai. At the height of its power, Ayutthaya was one of the world’s largest and wealthiest cities with over a million inhabitants.
✦ The city was built on an island surrounded by three rivers, The Chao Phraya, the Pa Sak, and the Lopburi River that served as a natural barrier against invaders. Ayutthaya was connected to the Gulf of Siam about 100 kilometers South by the Chao Phraya river.
—————•♦•—————
#แม่หยัว #ชุดไทย #สไบ #เครื่องประดับ #สมัยอยุธยา #ชุดไทยสมัยอยุธยา #ชุดไทยโบราณ #การแต่งกายสมัยอยุธยา #ผ้านุ่งหน้านาง
#Thaidress #Thaicostume #Ayutthaya #UNESCO #history #sbai #Thai #costume #culture #dress #outfit #Siam #Thailand #ThaiCulture #AmazingThailand #LandOfSmiles #UnseenThailand